ตอนที่ 2: Wellness Economy 5.0: เศรษฐกิจสุขภาพ คือกำลังใหม่ของชาติในศตวรรษที่ 21
ตอนที่ 2 “Wellness Economy 5.0: เศรษฐกิจสุขภาพ คือกำลังใหม่ของชาติในศตวรรษที่ 21”
โดย หมอแอมป์ – นพ. ตนุพล วิรุฬหการุญ
“อนาคตของประเทศ…ไม่ได้วัดจาก GDP อย่างเดียวอีกต่อไป แต่จากความยืนยาวของประชากรและคุณภาพชีวิตของคนในชาติ”
ในวันที่ โรคเรื้อรัง (NCDs) คร่าชีวิตคนทั่วโลกกว่า 45 ล้านคนต่อปี และประชากรโลกกว่า 44% กำลังเผชิญปัญหา น้ำหนักเกินและโรคอ้วน การเปลี่ยนผ่านจากระบบสาธารณสุขเชิงรับ (Reactive Healthcare) ไปสู่ระบบ การดูแลเชิงรุก (Proactive Healthcare) จึงไม่ใช่ “ทางเลือก” อีกต่อไป…แต่มันคือ “ทางรอด”
ประเทศไทยกำลังยืนอยู่ในจุดเปลี่ยนแห่งศตวรรษ ด้วย 3 โจทย์ใหญ่:
• คนไทยอายุยืนขึ้น แต่อยู่ไม่แข็งแรง (Healthspan < Lifespan)
• ความเครียดสะสมทำให้เทโลเมียร์สั้นลง นำไปสู่โรคเรื้อรังและการแก่ก่อนวัย
• ผู้บริโภคต้องการการดูแลสุขภาพที่ “แม่นยำ เป็นรายบุคคล และยั่งยืน”
Wellness Tech: เมื่อ AI และชีววิทยาแม่นยำคือเครื่องมือใหม่ของระบบการแพทย์
เรากำลังก้าวสู่ยุคของ “การแพทย์ที่รู้จักตัวคุณดีกว่าตัวคุณเอง” ผ่านเทคโนโลยีเช่น:
• การวิเคราะห์ Telomere และ Epigenetic เพื่อวัดอายุทางชีวภาพ
• การตรวจ ctDNA เพื่อค้นหาความเสี่ยงมะเร็งล่วงหน้า
• การจัดสมดุลฮอร์โมนเพื่อคืนพลังให้ชีวิต
• โปรแกรม Sleep Analytics เพื่อวัดคุณภาพการนอนระดับคลื่นสมอง
“ทุกลมหายใจที่ดีขึ้น…คือเวลาในชีวิตที่เพิ่มขึ้นอีกวัน”
ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นผู้นำด้าน Wellness Tech สำหรับนักท่องเที่ยวคุณภาพทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่ม High Spenders ที่ใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 130-170%
จากสุขภาพของคน…สู่สุขภาพของประเทศ
Wellness Tourism ไม่ได้แค่เพิ่มรายได้ แต่ยังช่วย:
• ให้ประชาชนในชาติแข็งแรงขึ้นและสุขภาพกายและจิตเข้มแข็ง
• ลดภาระระบบสาธารณสุขในระยะยาว
• เพิ่มรายได้มากมายให้กับประเทศจากประชาชนเจ็บป่วยน้อยลง
• สร้างอาชีพใหม่มากกว่า 1 ล้านตำแหน่งใน 10 ปี
• ส่งออกบริการสุขภาพ แทนการส่งออกทรัพยากร
• เปลี่ยนการท่องเที่ยวไทยจาก Mass tourism เป็น “Meaningful tourism”
และที่สำคัญ…ยังช่วย “ฟื้นฟูจิตวิญญาณของชาติ” ผ่านศาสตร์และศิลป์แบบไทย เช่น นวดไทย สมุนไพรไทย วัดไทย มวยไทย และอาหารไทยแบบ Whole Food Plant-Based
6 มิติของ Wellness Ecosystem ที่จะสร้างมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท
จากการวิจัยร่วมของ BDMS และ McKinsey (2023) พบว่า ความต้องการของผู้บริโภคในอุตสาหกรรม Wellness กระจายอยู่ใน 6 ด้าน:
1. Better Health – อายุยืน สุขภาพดี ไม่มีโรคเรื้อรัง
2. Better Fitness – ร่างกายฟิต กระฉับกระเฉง
3. Better Nutrition – โภชนาการแม่นยำ ลดน้ำตาล ลดแปรรูป
4. Better Appearance – สุขภาพผิว ผม รูปร่าง
5. Better Mindfulness – ลดความเครียด นอนหลับดีขึ้น
6. Better Sleep – นอนลึก นอนสนิท ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน
“Wellness ไม่ได้มีแค่ในโรงพยาบาล…แต่ควรอยู่ทุกที่ในชีวิตประจำวัน”
Wellness Tourism = Climate Tourism?
ในยุคที่โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อน การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม คือคำตอบร่วมของ Sustainable Development Goals (SDGs)
• รีสอร์ตที่ลด EMF และใช้พลังงานสะอาด ปล่อยคาร์บอนน้อย รักษ์โลก
• โรงแรมที่ใช้วัตถุดิบอินทรีย์จากเกษตรกรท้องถิ่น
• เมืองสุขภาพที่เน้นการเดิน ปั่นจักรยาน และอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
ประเทศไทยต้อง “กล้าพอ” ที่จะเป็นผู้นำโลกด้านสุขภาพ
“เราไม่ต้องวิ่งแข่งกับโลก…แต่เราต้องกล้าที่จะวิ่งนำด้วยสิ่งที่เราเชื่อและเชี่ยวชาญ”
ประเทศไทยมีของครบ ทั้งภูมิปัญญา ทรัพยากร เทคโนโลยี และทีมแพทย์ที่มีวิสัยทัศน์ ขาดเพียง “แพลตฟอร์มระดับชาติ” ที่รวมพลังคนไทยทุกภาคส่วน
Wellness Hub Thailand จึงไม่ใช่แค่ “นโยบาย” แต่คือ ขบวนการเปลี่ยนโลกผ่านสุขภาพ ประเทศไทยไม่ต้องรอให้ใครเห็นค่า แต่ต้องเริ่มกล้า ‘ขายคุณค่า’ ที่เรามีให้ทั้งโลก
“การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ…คือการเดินทางที่ไม่ได้แค่พาเราไปไกล แต่พาเรามีชีวิตได้นานขึ้นอีกด้วย”
หมอแอมป์ – นพ. ตนุพล วิรุฬหการุญ
References:
1. Global Wellness Institute (2024). Wellness Economy Report.
2. BDMS Wellness Clinic & McKinsey & Company (2023). Thailand Wellness Market Research.
3. World Health Organization (2022). Noncommunicable Diseases Progress Monitor.
4. IDF Diabetes Atlas (11th Edition, 2025). International Diabetes Federation.
5. Institute for Population and Social Research, Mahidol University (2024). Thailand Demographic Trends.
6. Shammas, M.A. (2011). Telomeres, lifestyle, cancer, and aging. Current Opinion in Clinical Nutrition and Metabolic Care, 14(1):28.
7. Thai Traditional and Integrative Medicine Hospital (2023). Thai Traditional Medicine Resources.
8. BDMS Wellness Clinic Internal Data (2024-2025). Clinical Outcomes, Telomere Data, ctDNA Screening, Lifestyle Interventions.